สวัสดีครับ นที และ กิตยา ขอพาเพื่อนๆไปเที่ยวงานเทศกาลดนตรี EDM ที่เกาหลีที่พึ่งผ่านมาไม่นานนี้ครับ

Ultra Music Festival (UMF) เป็นอีกหนึ่งเทสกาลดนตรี Electronic Dance Music ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก วนจัดตามเมืองใหญ่ๆทั่วทุกมุมโลก

ในส่วนของประเทศไทยเราจัดเป็น Road to Ultra มาแล้ว 2 ปี และปีนี้ถ้าจัดก็ยังคงเป็น Road to Ultra เช่นเดิมครับ (ด้วยหลายๆเหตุผล ที่รู้ๆกัน)
ส่วนใกล้ๆบ้านเรา ประเทศสิงคโปร์ได้ยกระดับการจัดงานจาก Road to Ultra Singapore เป็น Ultra Singapore แบบเต็มๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับที่ประเทศเกาหลีใต้ ที่จะรีวิวต่อไปนี้ เคยจัดงาน Ultra มาแล้วถึง 4 ปีครับ ปีนี้ 2016 จัดแบบพิเศษ ครบรอบ 5 ปี เป็นปีแรกที่จัดงานยาวเต็มๆ 3 วัน (10-11-12 มิถุนายน 2559)
ก่อนอื่นไปดูคลิป After Movie ของปี 2015 กันก่อนครับ ว่างานระดับโลกแบบนี้น่าไปสัมผัสขนาดไหน
ตั๋วงาน | Tickets
*การขายตั๋วแยกเป็น 2 ประเภท
1. สำหรับผู้ที่อยู่อาศัยในประเทศเกาหลี
2. สำหรับคนต่างชาติที่อาศัยอยู่นอกประเทศ
**ตั๋วมี 2 แบบ
1. General Admission (GA) แบบทั่วไป
2. Premium GA แบบพรีเมียม (แบบ VIP บ้านเรา)
2.1 ทางเข้างานแบบเร็วพิเศษ
2.2 มีสายรัดแขนออกแบบแบบพิเศษ
2.3 พื้นที่ยกระดับสูง
3.4 บาร์ และห้องน้ำ แยกพิเศษจาก GA


การขายตั๋วแบ่งออกเป็น 4 รอบ
1. Private Sale
เป็นตั๋วที่เปิดขายล่วงหน้าแบบสุดๆ (หลังงานจบไม่นาน) สำหรับผู้สนใจต้องลงทะเบียนหน้าเวปไซท์ของงานไว้ครับ ตั๋วแบบนี้มีจำนวนจำกัดสุดๆ หมดเร็วมากๆ ต้องรีบแย่งกันซื้อ
GA ราคา 100usd + fee 10 usd
Premium GA ราคา ราคา 120usd + fee 10usd
ข้อดี : ตั๋วประเภทนี้จะราคาถูกมาก ถึงมากที่สุด ครึ่งราคาของราคาตั๋วประเภทถัดไปเลย มีตั๋วแบบรายวันขาย (เฉพาะ GA)
ข้อเสีย : ยังไม่ทราบข้อมูลงานอะไรเลย ทั้ง วัน เวลา ที่จัดงาน และไม่สามารถเปลี่ยนชื่อคนอื่น ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น
2. Early Bird
3. Advanced Sale
เป็นตัวที่เปิดขายรอบที่สาม สามารถซื้อผ่านหน้าเวปไซท์ของงาน www.ultrakorea.com ได้โดยตรง
ข้อดี : ทราบวันและเวลาในการจัดงานแล้ว สามารถเปลี่ยนชื่อผู้เข้าร่วมงานเป็นชื่ออื่นๆได้ มีตั๋วประเภทรายวันขาย (เฉพาะ GA)
ข้อเสีย : ราคาสูงกว่า Private เกือบเท่าตัว
4. General Sale
การเดินทาง
การเดินทางไปเกาหลี เดี๋ยวนี้สะดวกและไม่แพงแล้วครับ มีสายการบินต้นทุนต่ำให้บริการบินตรงจากไทย-เกาหลีใต้ เยอะมาก เช่น Thai AirAsia X, T’Way Air, Jin Air และ Jeju Air

ราคาไปกลับรวมภาษีต่างๆแล้ว (บางสายการบินไม่รวมโหลดสัมภาระใต้ท้องเครื่อง) อยู่ที่ประมาณ 8,000 – 14,000 บาท แล้วแต่โปรโมชั่นครับ ซึ่งราคาช่วงระหว่างกลางปี Low season (ฤดูร้อน) จะราคาไม่สูงเท่า Hi season (ฤดูหนาว)
การเดินทางในโซล
โซลเป็นเมืองที่มีระบบขนส่งมวลชนดีมากแห่งนึงครับ ทั้งรถไฟฟ้าใต้ดิน รถเมล์ ล้วนแล้วครอบคลุมทั้งเมือง และค่าบริการสมเหตุสมผล
(คลิ๊ก! อ่านรีวิว application รถไฟฟ้าใต้ดินของเกาหลีที่ควรมีสำหรับนักท่องเที่ยว)

ที่พัก
แนะนำให้พักใกล้สถานที่จัดงานครับ (Olympic Stadium) หรือใกล้ผับที่จะไปต่อหลังงานเลิก เนื่องจากหลังจากงานเลิกแล้ว เวลานั้นรถขนส่งมวลชนจะปิดให้บริการหมดแล้วครับ ถ้าใช้บริการ Taxi และ รถเรียกบริการ (UBER) ก็ราคาสูงหน่อยครับ (ตามระดับของ Taxi + ช่วงเวลากลางคืนอัตรามิเตอร์แพงกว่ากลางวัน) ที่พักมีหลายแบบมากครับ ทั้งแบบโรงแรม เกสเฮ้าส์ และแบบที่พักอาศัยเช่าชั่วคราว (Air bnb)
ที่พักในโซลตอนนี้ที่ยอดนิยม ก็จะเป็นที่พักเกสเฮ้าส์ครับ และเป็นแบบหอรวม (Dormitory Type) นอนรวมกันห้องนึงมี 4-10 เตียงเล็กๆ สิ่งอำนวยควาวมสะดวกต่างๆใช้ร่วมกัน เช่น ห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ ห้องครัว และห้องนั่งเล่น ฯลฯ


ข้อดี : ราคาถูก ประหยัด เนื่องจากเราใช้เวลาส่วนมากของวันออกไปงาน และเที่ยวต่อ หากไปกันหลายๆคนสามารถเหมายกห้อง ยกเกสเฮ้าส์ได้เลย
ข้อเสีย : ความเป็นส่วนตัวน้อย เพราะต้องนอนรวมกับคนอื่นๆในห้องเดียวกัน
อินเตอร์เน็ต

นอกจากที่จะใช้อินเตอร์เน็ตแบบ pocket wifi แล้ว ตอนนี้ของเกาหลีมีซิมการ์ดมือถือสำหรับนักท่องเที่ยวแล้วครับ ใช้งานสะดวกกว่าเยอะเลย แล้วยังสามารถใช้เป็นเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวได้อีกด้วย
(คลิ๊ก! อ่านรีวิว วิธีซื้อและลงทะเบียนซิมเน็ตเกาหลี EG Sim Card)
***การเดินทางเข้าประเทศ***
ช่วงหลังๆมานี้มีคนเข้าไปโดดหนีทำงานในเกาหลีเยอะมากครับ การตรวจคนเข้าเมืองเข้มข้นมาก ถึงมากที่สุดครับ เครื่องผมลง มีคนไทยต่อคิวเข้าช่องตรวจลงตราก่อนหน้าผมอยู่เยอะพอสมควร โดนพาเข้าห้องเย็นเป็นสิบๆเลยทีเดียวครับ (เยอะจนน่าตกใจ แอบกลัวไปด้วยเลยครับว่าจะเข้าไม่ได้) เจ้าหน้าที่ถามคำถามอะไร ตอบไม่ได้กันเลย เอกสารประกอบการท่องเที่ยวก็ไม่มีกัน เดินเข้าไปเป็นขบวนเลย (เพื่อนผมกลับไทย บอกว่าคนเข้าไม่ได้ตีกลับเยอะมากๆแต่ละไฟลท์)
พอกลับมาไทยไม่นาน ก็มีประกาศจากทางสถานฑูตกรุงโซลในเรื่องนี้ด้วยครับว่าจำนวนคนบ้านเราหนีโดดทำงานเยอะมาก ทำให้ต้องมีการตรวจตราเข้มข้น
เพราะฉะนั้นเราควรเตรียมเอกสารทุกอย่างไว้ให้เจ้าหน้าที่พร้อมตรวจทีเดียวเลยครับ
1. Passport ถ้าทำใหม่ทดแทนเล่มเก่า เอาเล่มเก่าไปด้วยครับจะได้ดูการตีตราเข้าออกเมืองก่อนหน้า
2. สำเนาอีเมล์ซื้อบัตรเข้างาน Ultra ที่เราซื้อไว้ (มีชื่อของเราด้วย)
3. สำเนาเอกสารตั๋วเครื่องบินขากลับ
4. สำเนาการจองที่พัก (มีชื่อของเรา)
5. แผนการท่องเที่ยวแบบย่อ ว่าเราจะเดินทางไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
6. เตรียมตอบคำถามให้ได้อย่างน้อย ไปพักอาศัยท่องเที่ยวกี่วัน กลับวันไหน เดินทางมากับใคร (ควรเข้าแถวอยู่ใกล้ๆกันหากมีคำถามที่ต้องการยืนยันจากผู้ร่วมเดินทาง)
7. มีความมั่นใจในการตอบคำถามของเจ้าหน้าที่ อย่าเลิ่กลั่ก ไม่ต้องกลัว ให้มั่นใจครับว่าเรามาเที่ยวงาน Ultra จริงๆ ไม่มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง
แลกบัตรงาน
บัตรเข้างานเราสามารถมาแลกก่อนวันจริงได้ถึง 2 วันครับ แนะนำให้มาแลกไว้ก่อน เพราะวันจริงคิวจะยาวครับเสียเวลาต่อคิวหลายต่อกว่าจะได้เข้าไปในงาน

ก่อนเข้างาน
เกาหลีขึ้นชื่อเรื่องโชจู มักกอลลี เบียร์ ขายตามร้านสะดวกซื้อราคาถูกมากครับ อย่างโซจูขวดละประมาณ 30-45บาท/ขวด เท่านั้น (ถ้าในร้านอาหารปิ้งย่างก็จะประมาณ 120-150บาท/ขวด) แนะนำให้อัดกันก่อนไปงาน หรือซื้อไปรอรวมพลกันที่หน้างาน


ภายในงาน
เรื่องของการตรวจสิ่งต้องห้ามต่างๆ เอาจริงๆตรวจไม่ละเอียดมากขนาดนั้นครับ เนื่องจากคนเข้างานเยอะ กระเป๋าอะไรก็เปิดผ่านๆ ไม้ selfie เอาไว้โบกธงก็ยังเห็นเอาเข้าได้กันครับ
ทางเข้างานจะแยกออกเป็นตามประเภทตั๋วที่ซื้อไว้ครับ แบบ GA ธรรมดาจะเดินอ้อมไปข้างหลังไกลหน่อย ส่วน Premium GA ก็เดินเข้าทางข้างสนามได้เลย
*** การยืนยันตัว ข้อมูลของสายรัดแขน และ Passport ซีเรียสมากนะครับ มีหลายคนที่ซื้อสายรัดแขนมาแล้วลงทะเบียนไม่ตรงกับ Passport เข้างานไม่ได้นะครับ เห็นหลายคนยืนมึนๆตรงช่องตรวจเลย น่าสงสารมาก***

อยากจะแนะนำเลยนะครับให้มาเร็วๆ งานเริ่มไวก็จริง แต่อย่ามาเย็นเกินไป เพราะคนข้างในจะเยอะมากครับ มาช้าบรรยากาศถ่ายรูปสวยๆ เวทีอื่นๆหลายเวที เราจะพลาดหมดเลยครับ

ที่เห็นต่อคิวภาพอัลบั้มด้านบน ต่อคิวซื้อของที่ระลึกของงาน Ultra ครับ ของเกาหลีจะเป็นของ New Era
หมวกสีขาวจะหมดเร็วมากๆเลยครับ ถ้าวางแผนจะซื้อแล้วให้รีบซื้อแต่วันแรกเลยครับ
การใช้เงินซื้อของและเครื่องดื่มภายในงาน
ในงานใช้บัตร T-Money ครับ บัตรเติมเงิน ที่ใช้กันทั่วไปในเกาหลีครับ สามารถใช้จ่ายทั้งของที่ระลึก เครื่องดื่ม อาหารต่างๆ
ข้อดีคือ ถ้าเติมแล้วใช้ในงานไม่หมด เงินในบัตรก็นำไปใช้กับรถไฟฟ้า รถเมล์ หรือร้านสะดวกซื้อก็ได้ครับ
เบียร์ : 4,000 วอน/แก้ว ประมาณ 120 บาท
น้ำเปล่า : 1,200 วอน/ขวด ประมาณ 36 บาท
บรรยากาศภายในสนาม Main Stage
Sponsor ต่างๆจะจัดบูทเวทีของแบรนตัวเองข้างๆ Stand ครับ เหมือน Stand เชียร์กีฬาสีบ้านเราเลย ทำแข่งกันสุด ไฟเอย เลเซอร์เอย จัดเต็ม


คนเกาหลี enjoy กับการเต้นมากที่สุด กระโดดกันไม่หยุด การมีส่วนร่วมกับดีเจนี่คือยอดเยี่ยม ดีเจสั่งอะไรให้ความร่วมมือมากๆ เพลงไหนฮิตๆตะโกนร้องเพลงคลอไปด้วยดังกระหึ่ม ***ดูคลิปด้านล่างประกอบ
(เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ปี 2017 ผมก็จะไปอีกครั้งครับ)
วันแรกอยู่ด้านหน้าครับ คนแน่นมากๆ ร้อนเลยทีเดียว แต่คนด้านหน้าก็เป็นกลุ่มที่ Enjoy กับงานมากที่สุดเช่นกัน ร้องเพลงกันได้ทุกเพลง


วันที่สองกลุ่มเราย้ายมาอยู่ด้านหลังครับ เนื่องจากอยู่ข้างหน้าหลงกันง่ายมาก ไปเข้าห้องน้ำ หรือไปซื้อเครื่องดื่มทีนึง กว่าจะกลับเข้ามาได้ใช้เวลานานมากๆเลยครับ หากอยู่ข้างหน้า วางแผนซื้อเครื่องดื่มดีๆ เพราะเบียร์ได้มาเป็นแก้วกว่าจะถึงด้านหน้าชนกันหกหมดเหลือครึ่งแก้วได้ครับ (ทางงานเค้าให้นำ Hydration Pack เข้างานได้ ตัวนี้จะเป็นซองใส่น้ำแบบเป้เล็กๆที่คนปั่นจักรยานจะใช้กันครับ มีหลอดดูดต่อออกมาจากแพค ใส่เครื่องดื่มได้เยอะด้วย)
ดูสิครับ นี่ย้ายมาอยู่กลางๆสยามหน่อยแล้ว คนยังแน่นมากๆ
สรุป
ปีหน้า 2017 ผมจะไปอีกครั้บ ถึงแม้ปีนี้ครบรอบ 5 ปี Ultra Korea จัดงาน 3 วัน Line Up ถึงจะไม่แน่นมาก ดีเจเปิดคนละตั้ง 1 ชั่วโมงครึ่ง พลุจะไม่เยอะอย่างที่คาดหวัง
แต่! บรรยากาศของงานต่างจากงานในบ้านเรามาก ความเอ็นจอยของคนที่มางานก็เต็มที่จริงๆ เพื่อนๆคนไทยทุกคนที่มาเจอกันก็น่ารักทุกคน การเดินทางสะดวกสบาย ที่พักมีให้เลือกทุกระดับราคา อาหารการกินก็ถูกปากคนไทยเรา แนะนำเลยครับลองมาเปลี่ยนบรรยากาศเที่ยวงานต่างประเทศซักครั้งแล้วจะติดใจ

ขอบคุณเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ร่วมทริปร่วมงานในครั้งนี้ด้วยครับ งานเพลงทำให้คนเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันจริงๆ แล้วเจอกันใหม่ปี 2017 ครับ

สนใจติดตามข่าวของงาน Ultra Korea (กลุ่มคนไทย) เข้าไปได้ที่
Facebook Group : Ultra Korea (Thailand)
You must be logged in to post a comment.