ภาค 3 ภาคสุดท้ายของทริปนี้มาแล้วค่ะ 🙂 รีวิวครั้งแรกในชีวิตกับทริปง่ายๆ ในโซล เอาจริงๆ คือด้วยความที่ไม่ได้ตั้งใจจะมาทำรีวิวตั้งแต่แรก บางรายละเอียด/รูปภาพอาจจะไม่ครบเท่าไหร่ แต่ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ กับทุกท่านที่แวะเข้ามาอ่านนะคะ ^__^
ตอนเก่าๆ ของรีวิวนี้ สามารถติดตามย้อนหลังได้ที่นี่เลยค่ะ
~Korea:อันนยองเกาหลี~ เจิมบทความแรก รีวิวแรก : ทริปจองข้ามปี เที่ยวเอง กินอิ่ม นอนอุ่นในกรุงโซล,,, [PART 1] (บิน AirAsia X – รถเมล์สนามบิน – นัมซานเกสเฮ้าส์ – พระราชวังชางด็อก – บุกชนฮานก – ฮงแด)
~Korea:อันนยองเกาหลี~ ทริปจองข้ามปี เที่ยวเอง กินอิ่ม นอนอุ่นในกรุงโซล,,, [PART 2] (พระราชวังคยองบก – จตุรัสกวางฮวามุน – อนุสาวรีย์แม่ทัพอีซุนชิน – คลองชองกเยชอน)
วันสุดท้ายแล้วสำหรับทริปนี้ (T_T) ทริปสั้นมากค่ะ เสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินทางต่อเครื่อง ก็เลยเหลือเวลาในโซลนิดเดีย;เอง
ทริปวันนี้เราจะเดินทางไกลกันหน่อยค่ะ ไปกันที่เกาะนามิ – กลับมาล็อตเต้มาร์ท – และเก็บตกมยองดงค่ะ
จริงๆ ก็ไม่ได้เป็นที่ใหม่เท่าไหร่สำหรับขาเที่ยวเกาหลีเลยค่ะ แต่ไหนๆ ก็เริ่มทำรีวิวตั้งแต่ภาคแรกแล้วมาแล้วงี้ เราต้องทำให้จบค่ะ ภาคนี้ก็เลย (พยายาม) ทำให้เป็นรีวิวที่มีประโยชน์ซักหน่อย เอาเป็นว่าจะเริ่มจากการรีวิว application รถไฟฟ้าใต้ดินของเกาหลีที่ควรมีสำหรับนักท่องเที่ยงแบคแพคเกอร์อย่างเราๆ กันค่ะ
Application นี้ชื่อว่า ‘Jihachul’ หรือสามารถ Search จาก App Store โดยพิมพ์ว่า subway korea ได้เลยค่ะ หน้าตาแอพจะเป็นตามรูปด้านล่างนี้เลย..
หลังจากดาวน์โหลดเข้ามาในเครื่องเราเรียบร้อยแล้ว เปิดแอพขึ้นมาจะมีปุ่มให้กด Start จากนั้นเลือก ภาษา และ เมืองค่ะ ซึ่งก็คือ English และ Seoul
แล้วกด Apply ค่ะ จากนั้นแอพจะให้เราโหลดข้อมูล เราก็กด OK ไป (แนะนำว่าควรใช้ Wifi โหลดนะคะ จะเร็ว/ไม่ดูดเนตโทรศัพท์เราเยอะค่ะ)
พอดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ก็จะเจอหน้าแรกของแอพก็คือหน้านี้เลยค่ะ เป็นหน้าแผนที่รถไฟฟ้าในโซลทั้งหมด >.< ดูเยอะแยะ วุ่นวายไปหมดเลยเนอะ
ต่อไปจะแนะนำวิธีการใช้งานของแอพกันนะคะ ยกตัวอย่างเป็นทริปวันนี้เลย ทริปของเราจะไปเที่ยวเกาะนามิ เริ่มจากที่พักคือสถานี Myeongdong ไปลงที่สถานี Gapyeong ค่ะ ขั้นตอนก็ตามนี้เลย
1> จิ้มที่จุดสถานี Myeongdong ค่ะ แล้วจะมีแถบเด้งขึ้นมาให้เลือก เราก็เลือกคำว่า Depart from (ซึ่งก็คือออกจากสถานีนี้นะ)
2> พอเลือกเสร็จ สถานี Myeongdong จะมีวงกลมสีฟ้ากับสัญลักษณ์ ► ขึ้น
3> จากนั้นก็ไปจิ้มที่สถานีปลายทาง Gapyeong ค่ะ แถบเดิมก็จะเด้งขึ้นมาให้เราเลือกอีก คราวนี้เลือกคำว่า Arrive at (ถึงที่สถานีนี้)
4> สถานีปลายทาง จะเป็นวงกลมสีแดงกับสัญลักษณ์ ▆
แล้วจะหาว่าสถานีนี้อยู่ตรงไหน ต้องมางมหาเองอีกเหรอ สงสัยไม่ได้ออกเดินทางกันพอดีเนอะ เพราะแผนที่เค้าสถานีเยอะม้ากก
มีอีกวิธีนึงค่ะ จิ้มตรงรูปสามสีฟ้าขวามือบน แล้วแถบเมนูดำจะเด้งขึ้น เลือกเมนูด้านบนซ้ายสุดที่คำว่า Search แล้วพิมพ์ชื่อสถานีปลายทางของเรา แล้วกดเลือกได้เลยค่ะ
พอเลือกเสร็จแล้ว แอพจะแนะนำเส้นทางการเดินทางให้เราค่ะ โดยที่สามารถเลือกได้ 2 แบบคือ
Fastest (เร็วสุด): หมายถึงเส้นทางที่ใช้เวลาเดินทางน้อยที่สุดค่ะ
Fewest (น้อยสุด): หมายถึงเส้นทางที่เปลี่ยนสายน้อยที่สุด (ไม่ต้องออกรถไฟไปเปลี่ยนสถานีบ่อย จะได้นั่งยาวๆ ไปอะไรแบบนี้)
จากทริปของเราเป็นตัวอย่างที่รูปข้างล่างนี้จะเห็นได้เลยค่ะว่า Fastest ต้องเปลี่ยน 3 สาย (สถานีที่ต้องเปลี่ยนสายในแอพจะเป็นวงกลมสีส้ม) ส่วน Fewest ต่อแค่ 2 สายค่ะ
*แถบสีดำทบนสุดจะเป็นการคำนวณเวลาในการเดินทางของเราทั้งหมดค่ะ ทริปนี้ไกลหน่อย ออกนอกเมืองไปมาก ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งแน่ะ
**ตัวแอพจะคำนวณค่าเดินทางให้เราด้วยนะคะ ตรงแถบสีดำแถวที่ 2 Fare: 1,950วอน โดยคำนวณจากการใช้บัตร T-money นะคะ
ทีนี้เราก็เลือกแบบ Fastest เร็วสุดค่ะ แล้วจิ้มตรงแถบที่เขียนว่า Transit info เพื่อดูว่าต้องนั่งไปเปลี่ยนสถานีไหนยังไง ยกตัวอย่างวิธีดูจากรูปด้านล่างนี้นะคะ
– เริ่มจาก Myeongdong สาย 4 สีฟ้า > นั่ง 2 สถานี 4 นาที > ลงที่ Dongdaemun History & Culture Park *ทางออกซ้ายมือ เพื่อต่อไปสาย 2 สีเขียว
– จากนั้น Dongdaemun History & Culture Park สาย 2 สีเขียว > นั่ง 3 สถานี 5 นาที > ลงที่ Wangsimni *ทางออกขวามือ
– ต่อด้วย Wangsimni > นั่ง 5 สถานี 14 นาที > ลงที่ Mangu *ทางออกซ้ายมือ
– สุดท้ายที่ Mangu > นั่ง 13 สถานี 55 นาที > ลงที่ Gapyeong *ทางออกซ้ายมือ
แนะนำอีกข้อนึงค่ะ สำหรับใครที่วางแผนทริปไว้ เราสามารถบันทึกเส้นทางแต่ละทริปของเราไว้ดูทีหลังได้ โดยการที่เราจิ้มจุดเริ่มต้น-ปลายทางแล้วสังเกตมุมบนซ้าย จะมีสัญลักษณ์ธงสีฟ้า เราก็จิ้ม Bookmark > OK ไว้เลยค่ะ
เวลามาดูคราวหลัง ก็กดที่แถบเมนูสีดำด้านบนตรงคำว่า Bookmark ก็จะแสดงรายการเส้นทางที่เราบันทึกไว้ค่ะ
การใช้งานโดยรวมของแอพก็มีประมาณนี้ค่ะ ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีมากๆ สำหรับนักท่องเที่ยว ที่เที่ยวเองแบบเราๆ มากค่ะ เพราะต้องใช้รถไฟฟ้าใต้ดินเป็นหลักอยู่แล้ว ตัวแอพสามารถใช้ Offline ได้ด้วย (แต่ต้องโหลดอัพเดทอะไรให้เรียบร้อยก่อนนะคะ) ไม่ต้องพกแผนที่กระดาษไปกางเลือกสถานี ต่อสถานีกันงงๆ อีกต่อไปค่ะ ตัวแอพแนะนำการต่อสายได้ดีมาก และเวลาก็แม่นยำมากค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่จะไปเที่ยวเกาหลีเองแบบเรานะคะ ^_^
การเดินทางอันแสนยาวนานบนรถไฟฟ้าก็สิ้นสุดลงที่สถานี Gapyeong ค่ะ ออกจากสถานีมาแล้ว เดินตรงมาที่ถนนเลยค่ะ จะมี Taxi Stand รออยู่เต็มเลย ขึ้นรถตามคิวหน้าสุด แล้วก็บอกอาจอชี่เลยค่ะว่าไป “นามิซอม”
남이섬 : นามิซอม หรือ เกาะนามิ (Namiseom)
เกาะนามิเป็นเกาะเล็กๆ รูปใบไม้ หรือ รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวกลางน้ำ ตั้งชื่อเกาะตามนายพลนามิ แต่ที่โด่งดังขึ้นมาเป็นเพราะซีรี่ย์เรื่องดัง Winter Love Song กับวิวต้นสนเป็นทางยาวที่คุ้นตากันนี่แหละค่ะ (เดินทางมาอย่างไกล ก็เพื่อวิวต้นสนนี่แหละ 555 ^o^ สำหรับคนที่ไม่ได้สนใจวิวตรงนี้อะไรมาก แนะนำให้เที่ยวในตัวโซลจะดีกว่าค่ะ เพราะที่นี่จะเสียเวลากับการเดินทางเยอะ แล้วสถานที่ก็คล้ายๆ มาเที่ยวสวนสาธารณะแค่นั้นเอง ไม่ค่อยมีอะไรหลากหลายเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นสายพักผ่อน ชอบสวน ชอบต้นไม้ใบหญ้า ทะเลสาบ น้ำแข็งอะไรทำนองนี้ก็โอเคค่ะ ^^”)
ค่าเข้าชม: นักท่องเที่ยวผู้ใหญ่ 8000 วอน / เด็กอายุ 3-13 ปี 4000 วอน
บรรยากาศวันนี้ค่ะ เสียดายที่หิมะตกไปก่อนหน้า(น่าจะหลายวัน)แล้ว เลยเหลือเศษหิมะสีขาวประปรายกับต้นไม้แห้งๆ มีแต่กิ่งค่ะ (-.-‘)
แอบแถมร้านไส้กรอกย่างอุ่นๆ อร่อยๆ ในเกาะนามิก่อนออกจากเกาะค่ะ ร้านนี้จะอยู่ซ้ายมือ ช่วงกลางๆ ระหว่างทางเดินเข้าไปโซนทิวต้นสนค่ะ คนจะเยอะหน่อย กินไปผิงไฟตรงกองไฟใหญ่หน้าร้านไป อร่อยเพลินๆ ดีค่ะ ^^
ก่อนกลับค่ะ ช่วงเที่ยงพอดี แวะทานอะไรอร่อยๆ ก่อนค่ะ ตรงฝั่งก่อนขึ้นเรือนี้ตอนนั่งแท๊กซี่มาจะเห็นร้านอาหารเยอะแยะเต็มไปหมดเลยค่ะ เกือบทั้งหมดจะเป็นร้านทักคาลบี้ (ไก่ผัดกับผัก/ข้าว/ต๊อก บนกระทะกลมๆ ใหญ่ๆ) แต่ละร้านก็จะเขียนป้าย/เปิดเพลงเรียกลูกค้ากันใหญ่เลยค่ะ ไม่รู้จะเลือกร้านไหนกันเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าร้านไหนจะอร่อย ก็เดาสุ่มๆ มาเป็นร้านนี้ค่ะ
유명숙 숯불 닭갈비 : ยูมยองซุก ซุดบุล ทักคาลบี้ (You Myeong Suk Charcoal-broiled Chickenrib)
แต่วันนี้เราไม่ได้กินเมนูทักคาลบี้ผัดบนกระทะนะคะ เพราะเรากินไปแล้วเมื่อวันแรก (>.<)
ร้านนี้เค้าจะแบ่งเป็น 2 โซนค่ะ โซนผัดกระทะ กับ โซนย่าง
มื้อนี้เรามากินไก่ย่างเกาหลีกันนนน เอาเมนูมาฝากด้วยค่ะ (อ่านไม่ออก ไม่ได้ช่วยอะไรซักเท่าไหร่ ใช้ภาษามือช่วยซะมากกว่า 555) แถมด้วยลูกชายอาจอชี่เจ้าของร้าน มาช่วยคุณพ่อย่างไก่ น่ารักเชียววว ^-^
หน้าตาอาหารมื้อนี้ค่ะ บอกเลยว่าฟินมาก เพราะรู้สึกว่าดูเป็นอาหารเกาหลีที่สุดในทริปนี้ละ ไก่จะย่างพอสุกหน่อยๆ + หั่นชิ้นพอคำมาก่อนแล้วค่ะ แล้วมาย่างให้สุกพอดีที่เตาของเราอีกที พร้อมเครื่องเคียง/น้ำจิ้ม/ผักละลานตา แถมด้วยบะหมี่เย็น (ชื่อเมนู เมมิล มักกุกซู) เส้นบะหมี่ทำจากข้าวบัควีทค่ะ เย็นๆ เผ็ดๆ หนึบๆ
แอบถามอาจอชี่เจ้าของร้านด้วย ว่ากินยังไงให้ถูกต้องตามคนเกาหลี อาจิชี่ก็คีบใส่ๆ ตามในคลิปนี้เลยค่ะ
ได้เวลากลับเข้าโซลค่ะ เนื่องจากใช้เวลาเดินทางไป-กลับนามินานมาก โซลทาวเวอร์ที่ตั้งใจไว้ก็เลยต้องถูกตัดออกไป เพื่อที่จะมาช้อปของฝากกันค่ะ เรามาช้อปของฝากกันที่นี่ค่ะ
ล็อตเต้มาร์ท (Lotte Mart) ที่สถานี Seoul Station
ลงรถไฟฟ้าสถานี Seoul Station ออกทางออก 1 แล้วเดินขึ้นตามทางบันไดเลื่อนที่จะไปสถานีโซลเลยค่ะ พอถึงทางจะไปสถานีโซล (ทางซ้ายมือ) ก็หันขวาแทน จะเห็นล็อตเต้มาร์ทอยู่ไม่ไกลค่ะ
ล็อตเต้มาร์ท เป็นซุปเปอร์มาเก็ต สาขานี้เป็นสาขาที่ค่อนข้างใหญ่ค่ะ มีของครบทุกอย่างไม่ว่าจะขนมจุ๊กจิ๊ก บราวนี่ ชา กาแฟ มาม่า กิมจิ ต๊อกบกกี สาหร่าย เครื่องเคียง สตอร์เบอร์รี่ นมกล้วย โซจู เบียร์ รวมไปถึงพวกช้อนเกาหลี หรือ เครื่องสำอางค์ที่นี่ก็มีค่ะ เรียกได้ว่าช้อปกันเพลินเลยหล่ะค่ะ
*กิมจิที่นี่รสชาติโอเคเลยนะคะ ซื้อแบบให้ชั่งเอา พนังงานเค้าก็แพคให้อย่างดี อย่างหนาพร้อมเดินทางเลยค่ะ
**ซื้อของที่นี่ไม่มีถุงให้นะคะ ต้องซื้อเพิ่มเอาค่ะ หรือไม่ก็หลังจากจ่ายเงินเสร็จจะมีเค้าท์เตอร์มีกล่อง+เทปกาวให้เราแพคฟรีค่ะ (แต่ต้องแพคกันเองนะคะ) เผื่อซื้อเยอะ แพคไว้พร้อมโหลดเดินทางมันซะที่นี่เลย
***ซื้อของเยอะๆ ใบเสร็จสามารถทำ tax refund ได้ด้วยค่ะ จะมีเค้าท์เตอร์อยู่ทางขวามือหลังจากจ่ายเงินค่ะ
ช้อปกันเสร็จแล้ว เอาของเข้าไปเก็บที่ห้องพัก เราก็ไปหาอะไรอร่อยๆ กินต่อค่ะ (กินอีกแล้ว ^o^)
มื้อค่ำนี้ฝากท้องที่มยองดองอีกแล้วค่า ตามแผนที่นี้เลย
เริ่มที่ของคาวกันก่อนนะคะ ที่ร้านนี้..
홍콩반점 0410 : ฮ่องกงบันจอม 0410 (HongKong Banjum)
ร้านจะอยู่ในซอยเล็กๆ ข้างๆ ร้าน 10 Capten ค่ะ สังเกตดีๆ เค้าจะเอาป้ายร้านมาตั้งหลอกล่ออยู่ตรงปากซอยค่ะ เข้าซอยไปก็จะเห็นป้ายทางเข้าร้านใหญ่ๆ เลยค่ะ ร้านจะอยู่ชั้น 2 เดินเข้าไปแล้วเดินขึ้นบันไดเลยค่ะ
ร้านนี้เป็นร้านอาหารจีนค่ะ แต่ดูเมนูแล้วตอนแรกเราก็คิดว่าเป็นอาหารเกาหลีซะอีก เพราะเห็นในซีรี่ย์เกาหลีชอบสั่งมากินกันบ่อยๆ
เมนูเย็นนี้ก็คือ.. จัมปง (짬뽕) กับ ทังซูหยุก (탕수육)
จัมปง (짬뽕) คือบะหมี่ในน้ำซุปต้มยำทะเล สีแดงแจ๊ด (แต่ไม่เผ็ดสำหรับคนไทย) รสชาติอร่อยค่ะ กลมกล่อมดี มาในถ้วยใหญ่กิน 2 คนได้เลยค่ะ
ทังซูหยุก (탕수육) หรือบ้านเราเรียกว่าหมูผัดเปรี้ยวหวาน (ซึ่งไม่เหมือนของบ้านเราซักนิดเดียวค่ะ) ซอสจะสีน้ำตาลอ่อนๆ เปรี้ยวนำ หวานน้อย ราดบนหมูเส้น ชุบแป้ง (เยอะๆ) ทอดกรอบ โดยรวมคือจานนี้จืดไปหน่อยค่ะ แต่ก็พอกินได้เพลินๆ
กินอิ่มแล้วก็มาต่อที่ของหวานเล็กๆ นะคะ ที่ร้านนี้เลยค่ะ..
오설록티하우스 : โอซอลลอค ทีเฮ้าส์ (O´sulloc Tea House)
ร้านชาขึ้นชื่อของเกาหลีค่ะ จะมีทั้งเครื่องดื่ม เค้ก ไอศกรีมให้นั่งทางในร้าน แล้วก็จะมีเป็นใบชากลิ่นต่างๆ, กาน้ำชา, แก้วที่ระลึกขายด้วยค่ะ
ที่สั่งมาวันนี้ก็จะเป็น Green Tea Latte กับ Green Tea Waffles ค่ะ
ปิดท้ายทริปนี้กันที่ของกินเล่นในถนนมยองดงนะคะ เยอะแยะละลานตาเต็มไปหมดเลยย >.<” เอ๊ะ!! ตกลงเป็นถนนช้อปปิ้ง หรือ ถนนของกินกันแน่เนี้ย
จบการรีวิวทริปเที่ยวเองในโซลหน้าหนาวไว้เพียงเท่านี้ค่ะ หวังว่าจะการทำรีวิวครั้งแรกนี้จะพอเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆ นักเที่ยวบ้างซักเล็กๆ น้อยๆ ก็
ยังดีนะคะ
ไว้พบกันใหม่ทริปหน้าค่า
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามดู ติดตามอ่านค่ะ (^____^)
บ๊ายบายยยยย ♡♥♡♥
ติดตามอ่านตอน 1 ได้ที่นี่ : ~Korea:อันนยองเกาหลี~ เจิมบทความแรก รีวิวแรก : ทริปจองข้ามปี เที่ยวเอง กินอิ่ม นอนอุ่นในกรุงโซล,,, [Part 1] (บิน AirAsia X – รถเมล์สนามบิน – นัมซานเกสเฮ้าส์ – พระราชวังชางด็อก – บุกชนฮานก – ฮงแด)
ติดตามอ่านตอน 2 ได้ที่นี่ : ~Korea:อันนยองเกาหลี~ ทริปจองข้ามปี เที่ยวเอง กินอิ่ม นอนอุ่นในกรุงโซล,,, [PART 2] (พระราชวังคยองบก – จตุรัสกวางฮวามุน – อนุสาวรีย์แม่ทัพอีซุนชิน – คลองชองกเยชอน)
You must be logged in to post a comment.