새해 복 많이 받으세요!
สวัสดีปีใหม่ 2559 ~ จากเกาหลีค่า รีวิวกันมาถึงพาร์ท 3 กันแล้วเนอะ พาร์ทนี้เราจะออกไปเที่ยวนอกโซลกันบ้างค่ะ หลังจากตะลอนๆ ในโซลกันมากว่า 4 วันแล้ว..
(ตามอีฟเที่ยวในโซลได้ที่นี่ค่ะ > [Korea Winter 2016] -Part 1- | [Korea Winter 2016] -Part 2- )
โปรแกรมที่เราจะไปกันในพาร์ท 3 นี้ก็คืออออ …อินชอน… ค่าาาา ตามไปเที่ยวกันเล้ยย~~
★*˛. Day 5˛.*★
ก่อนจะไปลุยไกลถึงอินชอนวันนี้ แน่นอนค่ะ กองทัพต้องเดินด้วยท้องก่อนเนอะ ฮี่ฮี่.. เช้านี้เราจะไปหาอะไรกินกันที่นี่ค่ะ
광장시장 : ตลาดกวางจัง Gwangjang Market
พิกัด : สถานี Jongno 5-ga station, ทางออก 8 เดินตรงไปนิดเดียวเจอทางเข้าตลาดซ้ายมือเลยค่ะ
ตลาดนี้เป็นศูนย์รวมของอาหารเกาหลีทั้งหมดค่ะ (ส่วนใหญ่เป็น street food) อยากกินอะไรที่นี่มีเกือบครบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นบิบิมบับ, ต๊อกบกกี, มายักคิมบับ, ซุนแด(ไส้กรอกเลือด), พาจอน(แพนเค้กเกาหลี), จกบัล(ขาหมู), ทักบัล(ตีนไก่), ชับแช่(ผัดวุ้นเส้นเกาหลี), บินแดต๊อก (แพนเค้กถั่วเขียว) ….และอื่นๆ อีกมากมาย คือมามื้อเดียว ท้องไม่พอแน่นอนค่ะ >.<
ร้านค้าเยอะมาก ส่วนมากจะขายคล้ายๆ กันค่ะ อีโมนิม อาจุมอนีเรียกเข้าร้านกันใหญ่เลย ถูกชะตาคนไหนก็เลือกเข้าได้ตามอัธยาศัยได้เลยค่ะ
ร้านแรกที่เราเลือกกินก็คือ.. บินแดต๊อก (빈대떡) บินแดต๊อกก็คือแพนเค้กเกาหลีที่ทำจากถั่วเขียวบดค่ะ ทอดกรอบๆ ข้างในจะมีถั่วงอกใส่ด้วยค่ะ และเท่าที่อีฟศึกษามา เค้าว่ากันว่าบินแดต๊อกที่ตลาดกวางจังอร่อยค่ะ แล้วก็ออกรายการทีวีเยอะแยะไปหมด ที่นี่มีหลายร้านเลยค่ะ แต่คิดว่าน่าจะไม่ต่างกัน เพราะคนนั่งทานเยอะทุกร้านเลยค่ะ อีกอย่างนึง เค้าว่ากันว่ากินพาจอน (แพนเค้กเกาหลี) หรือ บอนแดต๊อกกับมักกอลลีมันเข้ากันได้ดี.. อ๋อเหรอออ อีฟก็เลยนะ.. โอเค! จัดไป (เช้าๆ แบบนี้เลย! 555)
บินแดต๊อก 1 แผ่น 4,000 วอน มักกอลลี(เหล้าข้าวหมัก) 1 ขวด 3,000 วอนค่ะ
บินแดต๊อกทอดใหม่ๆ ร้อนๆ กรอบนอกนุ่มใน อร่อยมากค่ะ ทานกับมักกอลลีนวลๆ ซ่าๆ อืมมมม..ดีงามอีกแล้วอ่ะค่ะ (ติดแค่ว่าเช้าไปนิดนึงมั้ยยยย >.<)
ต่อกันด้วยมายักคิมบับ (마약김밥) มายักคิมบับจะเป็นคิมบับม้วนเล็กๆ คำว่า มายัก แปลว่ายาเสพติดค่ะ เหมือนประมาณว่า กินแล้วหยุดกินไม่ได้อะไรงี้ อีฟซื้อจากร้านนี้ค่ะ ร้านสีแดงตรงมุมกลางตลาดเลย เป็นร้านที่รันนิ่งแมนมากินกัน
1 กล่องนี้ราคา 3,000 วอนค่ะ ร้านนี้ไม่มีที่นั่งกินด้วย เลยต้องแอบเอาไปขอกินร้านอื่น >.<
รสชาติก็คิมบับเลยค่ะ ชิ้นเล็กทานง่าย ใส้เยอะ อร่อยค่ะ
ต่อกันที่ร้านสุดท้ายของเช้านี้ สิ่งนึงที่อยากลองมากถ้ามาเกาหลีก็คือ ซันนักจี (산낙지) ซึ่งก็คือปลาหมึกดิ้นๆ นั่นเองค่ะ แต่ไปหาหลายๆ ร้านแล้วไม่มี เพราะเค้าบอกว่าหน้าหนาว หายาก แต่ๆ .. ตลาดกวางจัง มีทุกอย่างที่คุณต้องการค่ะ! ก็เลยลัดเมนูอื่นๆ มากินซันนักจีกันซะเลย
เห็นตู้ปลาหมึกแบบนี้ที่ร้านไหน ก็เข้าร้านได้เลยค่ะ มีบริการแน่นอน.. เลือกได้เลยเอาตัวไหน
อาจุมม่าภูมิใจนำเสนอมากค่ะ อร่อยน้า ลองไหม เอาตัวนี้ไหม.. ถ่ายรูปด้วยไหม
ถ่ายรูปเสร็จแล้วเนาะ.. จัดการล้างๆๆ แล้วก็ใช้กรรไกรค่ะ ตัดๆๆ สดๆ เลยใส่ลงไปในจาน แล้วก็เทน้ำมันงา โรยงา คนๆ เสิร์ฟ!!
จานนี้สนนราคา 15,000 วอนค่ะ ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกันนะเนี้ยยย
ในส่วนของรสชาติ ก็หนึบๆ หวานๆ ดีค่ะ หนวดจะดูดในปากเรานิดหน่อยค่ะ **ควรเคี้ยวให้ไวและละเอียดก่อนกลืนนะคะ** ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะหนวดมันใหญ่ หรือ เพราะอากาศหนาวมาก มันเลยไม่ค่อยดิ้นให้เราสยองขวัญซักเท่าไหร่ค่ะ 555
ก็ทานกันไปหลายอย่างแล้วเนอะ (จริงๆ อยากทานอีกหลายอย่างเลย แต่แบบว่าเช้าๆ แบบนี้ก็เลยกินได้น้อย >.<) ตลาดนี้ไว้โอกาสหน้าได้มาเกาหลีอีก ต้องมาอีกแน่นอนค่ะ ได้เวลากลับไปเช็คเอ้าท์ที่เกสท์เฮ้าท์ และเตรียมตะลุยอินชอนกันค่ะ
เนื่องจากคืนวันนี้อีฟตั้งใจจะไปนอนที่อินชอน แบบนอนในจิมจิลบัง สัมภาระอันใหญ่โตนั้นจะลากไปอินชอนด้วยก็ไม่ควร จะเที่ยวสนุกได้ยังไงเนอะ ก็เลยเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่นี่เลยค่ะ
RAON BAGGAGE STORAGE | บริการฝากกระเป๋าเดินทาง
พิกัด : สถานี Hongik University station อยู่ใกล้กับทางออก 7 (เป็นชอปอยู่ใต้ดิน หลังจากสแกนบัตร t-money จะอยู่ซ้ายมือค่ะ)

อัตราค่าบริการฝากกระเป๋าคร่าวๆ จะเป็นตามนี้นะคะ
ขนาดเล็ก-20นิ้ว = 1 วัน 3,000 วอน วันต่อไป +2,000 วอน
ขนาดกลาง 21-30นิ้ว = 1 วัน 5,000 วอน วันต่อไป +3,000 วอน
ขนาดใหญ่ 31นิ้วขึ้นไป = 1 วัน 7,000 วอน วันต่อไป +4,000 วอน
**ขนาดกระเป๋าเหมือนว่าพนักงานเค้าจะเป็นคนกะให้อีกทีอ่ะค่ะ กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของอีฟขนาด 28นิ้ว แต่พนักงานก็แจ้งว่าเป็นไซส์ใหญ่นะ
ที่นี่มีเอกสาร แผนที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวให้หยิบเยอะแยะเลยค่ะ แถมยังมีชุดเกาหลีให้ลองใส่กันได้ด้วย ฝากกระเป๋าแล้วเวลากลับมาเอาก็มีพื้นที่ให้จัดกระเป๋าได้ด้วยค่ะ ค่อนข้างสะดวกสบายเลย
เวลาเอากระเป๋าไปฝาก ก็แค่ยื่นพาสปอร์ตให้พนักงานเอาไปคีย์ข้อมูลเกี่ยวกับเรานิดหน่อยค่ะ แล้วเราจะได้รับการ์ดสีฟ้าแบบในรูปนี้มา แล้วเวลาขากลับก็แค่แสดงการ์ดนี้กับพาสปอร์ตได้เลยค่ะ จ่ายเงินค่าฝากกระเป๋าตอนวันมาเอาของทีเดียวเลยค่ะ
ฝากกระเป๋าตัวเบาแล้ว เราก็แปลงกายเป็น Backpacker ตะลุยเมืองอินชอนกันค่าาา !
인천 차이나타운 : อินชอนไชน่าทาวน์ Incheon China Town
พิกัด : สถานี Incheon station, ทางออก 1
สถานีอินชอนเป็นสถานีเล็กๆ ค่ะ มีทางออกเดียวเลย พอเดินออกจากสถานีมาก็จะเห็นทางเข้าไชน่าทาวน์อยู่ฝั่งตรงข้ามเลยค่ะ
บริเวณเดินเล่นของอินชอนไชน่าทาวน์ค่อนข้างกว้างค่ะ วางแผนเส้นทางเดินเที่ยวกันก่อนได้ค่ะ อันนี้เป็นแผนที่จุดน่าสนใจต่างๆ อยู่ตรงทางเข้าเลย
บริเวณเดินเที่ยวค่อนข้างกว้างค่ะ และเป็นเนินเดินขึ้นไปเรื่อยๆ ด้วย อาจจะเหนื่อยกันนิดนึง แถมวันนี้เป็นวันที่ 1 มกราด้วย โอ้โห.. ประชากรเกาหลีพร้อมอกพร้อมใจกันมาเที่ยวเต็มไปหมดเลยค่ะ ไม่ว่าร้านขนม ร้านอาหาร ทุกร้านมีคิวต่อแถวยาวมาก อีฟก็เลยอดชิมซาลาเปาย่าง อดชิมจาจังเมียนเลย (คนเยอะเกินต่อคิวไม่ไหวจริงๆ -_-;)
송월동동화마을 : ซงวอลดงดงฮวามาอึล Incheon Fairy Tale Village | เมืองเทพนิยายอินชอน
พิกัด : สามารถเดินจากอินชอนไชน่าทาวน์ได้เลยค่ะ อยู่ข้างๆ กันเลย
เป็นที่ที่แบบว่า มุ้งมิ้ง ฟรุ้งฟริ้งมากๆ ค่ะ >.< หันไปทางไหนก็เป็นการ์ตูน เป็นนิยายเต็มไปหมด สีสันสดใส เหมาะกับสาวๆ ที่ชอบถ่ายรูป คู่รักมาหวานสวีทกัน (อีกแล้ว ㅠ.ㅠ)
เมืองนิยายนี่กินพื้นที่เยอะมากค่ะ ทุกซอก ทุกซอยเป็นการ์ตูนสีสันสดใสสวยงามเต็มไปหมดเลย (ความรู้สึกส่วนตัวคือเยอะ และ แน่นกว่าอีฮวาดงอีกค่ะ) ใครชอบถ่ายรูปคือแนะนำที่นี่เลย เมมอาจหมดได้จริงๆ เพราะมุมถ่ายรูปเยอะมากกกก
ขนาดอีฟเดินไม่ทั่วเท่าไหร่ยังได้รูปมาเยอะมากเลยค่ะ แต่ต้องรีบกลับก่อน ก่อนจะค่ำไปมากกว่านี้ เพราะต้องรีบนั่งรถเมล์ยาวไปซงโด.. จุดหมายหลักของทริปเกาหลีครั้งนี้กันค่ะ นั่นก็ติ่งเด็กสามแฝดนั่นเอง (≧◡≦)~~
테루 : เทรุ Tero | หมูทงคัสสึจิ้มจุ่มชีสยืดดดดตามรอยสามแฝด
พิกัด : สถานี Central Park, ทางออก 4 จะเจอสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ค เดินตามแผนที่ไปฝั่งคอนโดบ้านเด็กๆ ค่ะ หันหน้าเข้าคอนโดทั้งสาม แล้วเดินไปทางซ้ายมือจนสุดอาคารแรก จะเจอศูนย์การค้าชื่อ NC Cube Canal Walk เริ่มจากโซน 1 ให้เดินยาวไปเรื่อยๆ จนไปถึงโซน 3 ร้านจะอยู่ชั้น 2 ฝั่งขวามือ (โซน 302) ค่ะ
หน้าตาหน้าร้านเทรุ มื้อเย็นของเราวันนี้ค่ะ.. รูปอาจจะมืดไปนิดนะคะ เพราะไปถึงค่ำแล้ว >.<
แน่นอนว่าเมนูที่เราจะกินในวันนี้ก็ต้องตามรอยเด็กๆ เหมือนเดิม ซึ่งก็คือ 치즈퐁듀 꼬치 돈카츠 : ชิ่จือพงดยู โกชิ่ ทนคาชึ (นี่อ่านสำเนียงเกาหลีเลย ชิ่จือคือชีสนะคะ >.< ถ้าอ่านแบบอังกฤษหน่อยก็ ชีสฟองดู โกชิ ทงคัสสึ ค่ะ) หรือสามารถจิ้มในเมนูได้เลยค่ะ เปิดมาหน้าแรกจะเจอเลย เมนูนี้ราคา 9,900 วอนค่ะ
ในส่วนของรสชาติ.. กรอบนอก หมูนุ่มใน อร่อยมากค่ะ แต่แบบว่าไปคนเดียว กินทั้งหมด 6 ไม้ มันก็เลยค่อนข้างเยอะไปนิด และรู้สึกเลี่ยนมากค่ะ >.< แต่ก็พยายามกินจนหมดนะคะ 555 เสียดายของเนอะ
ทานอิ่มแล้วอากาศช่วงค่ำๆ เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ต้องรีบไปหาความอบอุ่นกันค่ะ คืนนี้เราจะไปนอนอุ่นๆ กันที่จิมจิลบัง (โรงอาบน้ำ) กันค่ะ!!
블루오션 사우나 : บลูโอเชี่ยน ซาวน่า Blue Ocean Sauna | จิมจิลบังตามรอยสามแฝด
พิกัด : จากสถานี Central Park, ทางออก 4 ให้เดินทะลุสวนซงโดเซนทรัลพาร์คมาหน้าบ้านเด็กๆ หันหน้าเข้าคอนโดเด็กๆ เดินไปทางขวามือค่ะ เดินตรงยาวไปเรื่อยๆ จนถึงสี่แยกใหญ่ (สุดปลายสวน) ให้เลี้ยวซ้ายจากนั้น เดินตรงไปอีกยาวๆ จนเจอสี่แยกใหญ่ ก็ให้ตรงไปอีกค่ะ เดินจนผ่านตึกตำรวจใหญ่ๆ นั้นไป จะเจอตึกคล้ายๆ ห้าง ชื่อ 드림시티 (Dream City) ค่ะ เข้าไปตรงช่องกลางอาคารจะมีลิฟท์ กดขึ้นไปชั้น 6 จะเป็นชั้นของจิมจิลบังทั้งหมดค่ะ
จิมจิลบัง (찜질방) คือซาวน่าหรือโรงอาบน้ำค่ะ เป็นสถานที่พักผ่อนที่นึงของคนเกาหลี ยิ่งช่วงหน้าหนาวอากาศข้างนอกเย็นสุดๆ แบบนี้ การมาอาบน้ำอุ่น แช่น้ำร้อนๆ หรืออบตัวในห้องอุณหภูมิต่างๆ งี้ ก็เป็นกิจกรรมที่ทำให้ผ่อนคลาย ร่างกายสบายตัวอย่างนึงค่ะ
แล้วไปจิมจิลบังต้องทำยังไงบ้าง? วันนี้อีฟจะมาเล่าประสบการณ์ให้ฟังกันค่ะ ^o^
Step 1 : จ่ายเงินค่าเข้าใช้บริการกันก่อนค่ะ ที่บลูโอเชี่ยนซงโด จะมีค่าบริการตามนี้เลยค่ะ
ผู้ใหญ่ = เช้า (ตี5 – 2ทุ่ม) 8,000 วอน / กลางคืน (2ทุ่ม – ตี5) 10,000 วอน
เด็ก = เช้า (ตี5 – 2ทุ่ม) 4,000 วอน / กลางคืน (2ทุ่ม – ตี5) 5,000 วอน

Step 2 : จ่ายเงินเสร็จปุ๊บ จะได้รับสายใส่ข้อมือสีแดงที่มีตัวเลข และ กุญแจติดอยู่ค่ะ จากนั้นก็เดินไปรับเสื้อ-กางเกง และผ้าขนหนู (ผืนเล็ก) 2 ผืน

Step 3 : เดินแยกฝั่งชาย-หญิงค่ะ ชายเข้าฝั่งขวา หญิงเข้าฝั่งซ้าย ที่แรกจะเจอเลยก็คือล็อคเกอร์เก็บรองเท้า ให้หาหมายเลขล็อคเกอร์ตามสายข้อมือ แล้วใช้กุญแจนั้นเปิดมันและเก็บรองเท้าของเราค่ะ

Step 4 : ขั้นตอนนี้ต้องเตือนให้ทุกท่านทำใจให้ดีๆ ก่อนเปิดผ้าม่านค่ะ เพราะหลังม่านนี้ท่านจะเจอกับเด็กๆ ไปจนถึงสาวๆ ไปจนถึงอาจุมม่าทุกคนโป้เปลือยเดินไปมาละลานตาเต็มไปหมด อย่าตกใจนะคะ ทำตัวนิ่งๆ เนียนๆ แล้วเดินเข้าไปที่ล็อคเกอร์ของเราค่ะ! จากนั้น เราก็โป้เปลือยตามเค้าค่ะ! เก็บของเสื้อผ้าทุกอย่างใส่ไปในล็อคเกอร์ แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวน้อยมา 1 ผืน เดินตรงไปอาบน้ำ แช่น้ำร้อนกันค่ะ!
5555+ พูดเหมือนง่ายเลยเนอะ เอาจริงๆ อีฟก็ไม่กล้าทำแบบนั้นเหมือนกันค่ะ อีฟเข้าไปช่วงเย็นด้วย คนเยอะมากกก ตอนนั้นคือไม่กล้าอาบน้ำเลย เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เค้าให้มาแล้วเข้าไปข้างในส่วนกลาง หาอะไรกินแล้วก็หาที่นอน แล้วมาอาบเอาตอนเช้าตรู่ที่ยังไม่ค่อยมีใคร (ส่วนใหญ่เป็นอาจุมม่า) เลยไม่ค่อยอายเท่าไหร่ค่ะ
**ใครจะมาอาบน้ำหรือนอนค้างคืน เตรียมอุปกรณ์อาบน้ำมาด้วยนะคะ หรือจะมาซื้อที่นี่ก็ได้ค่ะ มีเค้าท์เตอร์ขายอยู่เหมือนกัน (แต่ไม่ทราบราคาเน้อ) ส่วนเครื่องสำอางค์อะไรก็เตรียมมาด้วยนะค้า ที่นี่จะมีบริการพวกไดร์-ที่หนีบผมให้ (หยอดเหรียญ 100 วอน เครื่องใช้ได้ประมาณ 1 นาทีค่ะ)
ที่ห้องอาบน้ำ จะมีทั้งแบบชาวเวอร์ มีทั้งแบบนั่งยองๆ อาบ แล้วก็มีบ่อแช่ประมาณ 4 บ่อที่อุณหภูมิต่างๆ กันไปค่ะ (ตรงนี้ถ่ายรูปมาฝากไม่ได้จริงๆ >.<)

Step 5 : หลังจากอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่จิมจิลบังให้มาก็เดินเข้ามาสู่ส่วนกลางค่ะ ส่วนกลางนี้จะมีทั้งห้องบริการนวดตัว, ห้องฟิตเนส, ห้องคอมพิวเตอร์, ห้องของเล่นเด็กๆ, รวมถึงห้องอบตัวอุณหภูมิที่ต่างๆ ตั้งแต่เย็นยะเยือกไปจนร้อนเลยค่ะ, มีเก้าอี้นวด (ใส่แบงค์ 1,000 วอนนวดให้ 10 นาที), มีลานตรงกลางไว้นั่งดูทีวีร่วมกัน, มีอุโมงค์ให้เข้าไปนอน (ในอุโมงค์พื้นจะอุ่น-ร้อน)
ก็เลือกทำกิจกรรมกันตามอัธยาศัยค่ะ บางคนก็นอนหลับบ้าง จีบกันมุ้งมิ้งบ้าง มาร์สหน้าบ้าง ดูทีวีบ้าง..
Step 6 : มาจิมจิลบังอีกสิ่งที่ต้องไม่พลาดคือกินไข่ต้ม (คเย-รัน, 계란) กับ น้ำข้าว (ชิ-คเย, 식혜) ค่ะ ที่จิมจิลบังจะมีโซนร้านอาหารอยู่ค่ะ มีทั้งอาหารเป็นมื้อจริงจัง ไปจนขนมกินเล่น ไอติม แล้วก็เครื่องดื่มร้อน-เย็นบริการค่ะ
อีฟกินชิคเย 1 แก้ว 2,500 วอน กับไข่ต้มสีเข้มๆ 3 ฟอง 2,000 วอนค่ะ (ที่นี่เวลาซื้อของกินจ่ายเงินสดนะคะ)
Step 7 : ทานอะไรอิ่มแล้วก็หาที่นอนค่ะ ที่นี่จะมีหมอนเล็กๆ สีน้ำเงินให้ใช้ฟรีค่ะ แต่ผ้าห่มไม่มีนะคะ (มีให้เช่า แต่อีฟไม่แน่ใจว่ากี่บาท) อีฟเลือกนอนในอุโมงค์ค่ะ ช่วงดึกๆ ก็เดินๆ ส่องหาอุโมงค์ว่างๆ นอน ในอุโมงค์คืออุ่น (จนร้อน พื้นร้อนม้ากกกก)
ตื่นเช้ามาก็อาบน้ำ แต่งตัว ไดร์ผม แต่งหน้า เรียบร้อยก็คืนสายข้อมือคืนที่ทางออกได้เลยค่ะ
โดยส่วนตัวแล้วชอบนะคะ ประสบการณ์ที่จิมจิลบัง รู้สึกได้ผ่อนคลายจากที่เราเดินเที่ยวมาทั้ง 5 วัน คราวหน้าถ้ามีโอกาสไปเกาหลีอีกก็คิดว่าไม่พลาดจะไปลองที่อื่นๆ อีกค่ะ (เพราะแต่ละที่ก็มีกิจกรรมอะไรบริการต่างกันไป เราต้องลอง!)
★*˛. Day 6˛.*★
뉴욕베이글 송도 : นิวยอร์คเบเกิล N.Y.Bagel n’ Cream Cheese | เบเกิลชีสตามรอยสามแฝด
พิกัด : เริ่มจากหน้าบ้านสามแฝด เดินมาทางขวามือค่ะ จนเจอ 4 แยกใหญ่ ให้เลี้ยวซ้าย แล้วเดินไปจนเกือบถึง 4 แยก ร้านจะอยู่ซ้ายมือ ข้างๆ 7-11 ค่ะ
ร้านจะอยู่ติดกับเซเว่น-อีเลฟเว่นเลยค่ะ หาไม่ยาก เปิดบริการตั้งแต่ 7.40 เลยทีเดียว
เมนูหลักของร้านนี้จะเป็นเบเกิลค่ะ มีหลายแบบให้เลือกเยอะมาก รวมถึงชีสที่สเปรดก็มีหลายรสชาติให้เลือก และมีเครื่องดืมร้อน-เย็นบริการค่ะ เช้านี้เรามาทานเบรคฟ้าสสไตล์นิวยอร์คกัน อิอิ
วันนี้อีฟเลือกทานแบบธรรมดา (Plain) 1,800 วอน + สเปรดด้วย นูเทลล่า ชอคชิฟ (Nutella Chocolate Chunk Chip) 2,000 วอน + ลาเต้ร้อน (Latte) 3,000 วอนค่ะ
อิ่มท้องกันแล้ว เราก็ไปเดินเล่นที่สวนกันค่ะ
송도센트럴공원 : ซงโดเซ็นทรัลพาร์ค Songdo Central Park | สวนหน้าบ้านสามแฝด
พิกัด : สถานี Central Park, ทางออก 4
สวนนี้กว้างมากๆ ค่ะ มีทั้งโซนกิจกรรมทางน้ำ (เช่าเรือคายัก, ล่องเรือ) หรือจะเป็นโซนเลี้ยงกวาง-กระต่าย, โซนออกกำลังกาย, โซนร้านคาเฟ่-ร้านอาหาร, โซนหมู่บ้านโบราณ .. สวนเดียว มีทุกอย่างครบครันเลยค่ะ
อีฟรวบรวมภาพมุมสวยๆ หลายๆ มุมมาให้ชมกันค่ะ
เดินเล่นในสวนมาซักพักใหญ่ๆ แล้ว เราก็ไปทานมื้อเที่ยงกันต่อเลยค่า ^^
구수한 설렁탕 꼬리곰탕 : คุซูฮัน ซอลลองทังโกริโกมทัง Gusuhan Seolleongtang | ร้านกระดูกในตำนานตามรอยสามแฝด
พิกัด : จากหน้าบ้านเด็กๆ เดินมาทางขวามือ ผ่าน 3 แยกแรกไปก่อนค่ะ แล้วเจอ 3 แยกที่ 2 เลี้ยวซ้าย เดินไปอีกนิดเดียวจะเจอร้านสีเขียวอยู่ซ้ายมือค่ะ
หน้าร้านจะเป็นสีเขียวแบบนี้เลยค่ะ มีรูปของสามแฝดตอนมาทานกับซารังนูน่าโชว์ที่หน้าร้านด้วย ^o^
เมนูที่สั่งทานมื้อเที่ยงนี้ก็คือ ซอลลองทัง (설렁탕) คือซุปกระดูกวัวเคี่ยวจนเป็นซุปสีขาวๆ แล้วก็จะมีเนื้อวัวด้วยค่ะ มากับข้าว 1 ถ้วย ชุดนี้ราคา 7,500 วอนค่ะ รสชาติซุปตอนมาจะจืดๆ หน่อยค่ะ ต้องเติมเกลือเพิ่มเองตามความชอบ ทานอุ่นๆ ร้อนๆ อร่อยดีค่ะ
ทานของคาวกันแล้ว มาต่อด้วยของหวานกันค่ะ ~~
옥루몽 : อกรุมง Okrumong | บิงซูถั่วแดงตามรอยสามแฝด
พิกัด : อยู่ในโครงการ NC Cube Canal Walk โซน 302 ฝั่งขวามือ ชั้นล่างค่ะ (ดูจากแผนที่เดียวกับทงคัสสึจุ่มชีสร้าน teru ได้เลยค่ะ)
ร้านนี้จะขึ้นชื่อเรื่องถั่วแดงค่ะ มีทั้งขนมปังไส้ถั่วแดง โจ๊กถั่วแดง แล้วก็บิงซูถั่งแดง
ซึ่งวันนี้อีฟจะมาลองบิงซูถั่วแดงค่ะ (가마솔 전통 팥빙수) ถ้วยนี้ราคา 8,000 วอน ทานได้ 2 คนแบบพอดีๆ เพราะถ้วยไม่ใหญ่มากค่ะ รสชาติก็.. น้ำแข็งละเอียดดีค่ะ ถั่วแดงให้มาจัดเต็มมาก ทั้งราดข้างบน และใส่มาข้างใน อร่อยค่ะ!! (อร่อยทุกอย่างอ่ะอีฟ -_-“)
อิ่มหรือยังคะ.. อิ่มแล้วใช่มั้ยยย? คือจริงๆ ต้องอิ่มแล้วหล่ะค่ะ แต่ด้วยโปรแกรมมันยังเหลือร้านที่ต้องไปตามเก็บอีก เพราะฉะนั้น เราไปต่อร้านต่อไปกันค่ะ 555+ สายกินชัดๆ!
바르다김선생 송도신도시점 : พารือดาคิมซอนแซง Teacher Kim | เกี๊ยวในตำนานตามรอยสามแฝด
พิกัด : จากหน้าบ้านเด็กๆ เดินมาทางขวามือจนถึง 4 แยกใหญ่ เลี้ยวซ้าย จากนั้นเดินไปจนถึงอีก 4 แยกใหญ่ (ที่มี 7-11 ซ้ายมือ) ให้ข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามเซเว่น จากนั้นข้ามอีกทีไปฝั่งตรงข้ามค่ะ (ซ้ายมือ) จะเจอเป็นตึกสถานีตำรวจใหญ่ๆ มีรูปปั้นสมอเรือสีเงิน จากนั้นให้เดินไปทางขวามือจนสุดตึกนี้ แล้วเลี้ยวซ้ายค่ะ.. จากตรงนี้ตรงไปยาวๆ จนกว่าจะถึงย่านร้านค้า ร้านเกี๋ยวจะอยู่ข้างๆ ร้าน Etude เลยค่ะ (จากบ้านเด็กๆ ไปร้านเกี๊ยวระยะทางทั้งหมดประมาณ 1.7 กิโลเมตรค่ะ)
หน้าร้านเกี๊ยวในตำนาน สีเหลืองอ่อนๆ ร้านเล็กๆ ข้างๆ ร้านอีทูดี้ หาไม่ยากค่ะ แต่เดินไกลนิดนึง
เมนูที่สั่งมาทาน จะเป็นอะไรไปได้นอกจากเกี๊ยวถาดนี้ค่ะ คาลบี้มันดุ (갈비만두) 1 ถาด ราคา 4,000 วอน ได้ทั้งหมด 10 ชิ้นค่ะ (ในรูปคือแอบกินไปละ 1 ชิ้น 555) เกี๋ยวนิ่มและอร่อยมากค่ะ น้ำซุปก็อร่อย น้ำชา(เหมือนข้าวโพด)ก็อร่อย แถมน้องพนักงานชายก็อร่อยอีกค่ะ เอ้ยย ไม่อร่อยสิ น่ารักค่ะ 555 ●^o^●
รีวิวตามรอยสามแฝด แทฮัน มินกุ๊ก มันเซทั้งหมด (อย่างละเอียด และรูปแน่นกว่านี้) เพื่อนๆ สามารถตามไปอ่านเพิ่มได้ที่นี่เลยค่ะ > รีวิวกิน-เที่ยวตามรอยแฝดสาม แทฮัน มินกุ๊ก มันเซ @ โซล-ซงโด-ปูซาน
ทานอิ่มกัน (ซักที) ได้เวลากลับเข้าโซลกันแล้วค่ะ .. เดินทางจากซงโด อินชอนเข้าโซลต้องเผื่อเวลาหน่อยนะคะ รถไฟฟ้าใช้เวลาประมาณ หนึ่งชั่วโมงถึงชั่วโมงครึ่งเลย คือแบบว่าหลับหลายตื่นยังไม่ถึงซักที >.<
คืนนี้เช็คอินที่พักที่ใหม่ค่ะ เป็นเกสท์เฮ้าส์เช่นเคย เพราะเราสายประหยัด ซึ่งที่จะนอนคืนนี้ก็คือ Cocoon Stay Hongdae
พิกัด : สถานี Hongik University station, ทางออก 5 หรือ 7 ก็ได้ค่ะ เดินมาทางถนนไปยังฮงแด ประมาณ 150 เมตร ก็ถึงเกสท์เฮ้าส์เลยค่ะ (ใกล้สุดๆ!!)
อีฟจองห้องดอร์ม (นอนรวม) แบบหญิงล้วน 4 เตียงไว้ค่ะ สนนราคาคืนละ 25,000 วอน แต่ตอนเช็คอิน คุณลุงคิมเจ้าของเกสท์เฮ้าส์คือใจดีมากกกก ชวนคุย ช่วยยกกระเป๋าที่โคตรหนักขึ้นไปชั้น 2 ให้ แล้วก็อัพเกรดห้องจากดอร์ม 4 เตียง เป็นดอร์ม 2 เตียงให้ (ส่วนตัวเพิ่มมาอีกนิดนึง)
เก็บรูปห้องพัก กับบริเวณห้องโถงชั้น 2 มาฝากด้วยนิดนึงค่ะ ห้องค่อยข้างเล็กนิดนึงตามสไตล์เกสเฮ้าส์ เตียงจะเป็นฟูกบางๆ ค่ะไม่หนานุ่ม แต่ก็พอนอนได้ค่ะ มีล็อคเกอร์+กุญแจให้ใส่ของมีค่าได้ โดยรวมแล้วโอเคค่ะ
และก็จบทริปอินชอน-ซงโดอันแสนฟินไว้เพียงเท่านี้ค่ะ
ฝากติดตามกันต่อพาร์ทสุดท้าย พาร์ท 4 (พาเที่ยวปูซาน) ด้วยนะค้าาา
สำหรับวันนี้ลาไปกัน อันย๊องงงง! (^_^)/~
(ตามอีฟเที่ยวปูซานพาร์ท 4 ได้ที่นี่ค่ะ > [Korea Winter 2016] -Part 4-)
You must be logged in to post a comment.